
Vietnam
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับประเทศเวียดนาม
1. พื้นที่ประเทศเป็นรูปตัว “S”
เวียดนามมีพื้นที่รวม 331,689 ตารางกิโลเมตร (เทียบกับประเทศไทยซึ่งมีพื้นที่ 513,115 ตารางกิโลเมตร) ทิศเหนือติดกับประเทศจีน ทิศตะวันออกติดกับทะเลจีนใต้ ทิศใต้ติดกับอ่าวไทยและทะเลจีนใต้ และทิศตะวันตกติดกับสปป.ลาว และกัมพูชา เวียดนามมีความยาวจากเหนือจรดใต้ 1,650 กิโลเมตร ขนานไปตามแนวยาว ของคาบสมุทรอินโดจีน นอกจากนี้ เวียดนามยังประกอบไปด้วยหมู่เกาะต่าง ๆ อีกหลายพันเกาะเรียงรายอยู่บริเวณอ่าวตังเกี๋ย ไปจนถึงอ่าวไทย
2. ภูมิประเทศมีความหลากหลาย
โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ภาคเหนือ ประกอบด้วยภูเขาสูง อาทิ เทือกเขาฟานซีปาน (Fansipan) ซึ่งมีความสูงถึง 3,143 เมตร (สูงที่สุดในอินโดจีน) มีแม่น้ำสำคัญ คือ แม่น้ำกุง (Cung) ซึ่งไหลไปบรรจบกับแม่น้ำแดงเกิดเป็นสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแดง (Red River Delta) ที่มีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การเพาะปลูก นอกจากนี้ ยังมีที่ราบลุ่มที่สำคัญ ได้แก่ Cao Bang, Vinh Yen และอ่าว Halong Bay ภาคกลาง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงซึ่งเต็มไปด้วยหินภูเขาไฟ หาดทราย เนินทราย และทะเลสาบ ภาคใต้ พื้นที่ส่วนใหญ่ เป็นที่ราบสูง และมีที่ราบลุ่มที่สำคัญ คือ บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง (Mekong River Delta) หรือ ที่รู้จักกันในชื่อ “กู๋ลองยาง” (Cuu Long Giang) ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกสำคัญขนาดใหญ่ที่สุดของเวียดนาม
3. ภูมิอากาศแตกต่างกัน
ความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ของเวียดนาม ส่งผลให้ภูมิอากาศในแต่ละภูมิภาค มีความแตกต่างกัน กล่าวคือ ภาคเหนือมีอากาศค่อนข้างหนาวเย็น แบ่งออกเป็น 4 ฤดู ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม- เมษายน) มีฝนตกเล็กน้อยและความชื้นสูง ฤดูร้อน (พฤษภาคม-สิงหาคม) อากาศร้อนและมีฝน ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) อากาศเริ่มเย็นขึ้น และฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) อุณหภูมิต่ำสุดในรอบปีอยู่ที่ประมาณ 7-20 องศาเซลเซียส แต่บางครั้งอาจลดลงถึง 0 องศาเซลเซียส ส่วนอุณหภูมิสูงสุดในรอบปีอยู่ที่ประมาณ 30-39 องศาเซลเซียส ขณะที่ภาคกลางและภาคใต้มีสภาพภูมิอากาศที่ค่อนข้างร้อนตลอดทั้งปี และมีเพียง 2 ฤดู ได้แก่ ฤดูฝน (พฤษภาคม- ตุลาคม) และฤดูแล้ง (ตุลาคม-เมษายน)
4. เวียดนามกับไทยอยู่ในไทม์โซนเดียวกัน
ทำให้มีเวลาเร็วกว่าที่เมืองกรีนิชประมาณ 7 ชั่วโมง สำหรับเวลาทำการ ของหน่วยงานราชการ สำนักงาน และองค์กรที่ให้บริการด้านสาธารณสุขในเวียดนาม คือ วันจันทร์-วันศุกร์ ระหว่างเวลา 8.00-16.30 น. สำหรับพิพิธภัณฑ์เปิดให้บริการเพิ่มในวันเสาร์อีกครึ่งวัน ขณะที่ร้านค้าทั่วไปเปิดให้บริการทุกวัน ระหว่างเวลา 6.00-18.30 น. ธนาคารพาณิชย์เปิดให้บริการวันจันทร์-วันศุกร์ ระหว่างเวลา 8.00-16.00 น. สำนักงาน ไปรษณีย์โทรเลขเปิดให้บริการวันจันทร์-วันศุกร์ ระหว่างเวลา 7.00-20.00 น. ส่วนวิเคราะห์เศรษฐกิจ ฝ่ายวิชาการ กันยายน 2548
5. โครงสร้างการปกครอง
เวียดนามปกครองด้วยระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ โดยมีพรรคคอมมิวนิสต์ เวียดนาม (Communist Party of Vietnam : CPV) เป็นพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวในประเทศ ซึ่งมีบทบาทอย่างมาก ในการกำหนดแนวทางการบริหารประเทศในทุกด้าน โครงสร้างการปกครองของเวียดนามแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ที่สำคัญได้แก่ - สภาแห่งชาติ (The National Assembly หรือ Quoc-Hoi) เป็นองค์กรฝ่ายนิติบัญญัติ ประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งจำนวน 498 คน ปัจจุบันผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาแห่งชาติ คือ นาย Nguyen Van An (ดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี การเลือกตั้งครั้งต่อไปจะจัดขึ้นในปี 2550) ทั้งนี้ สภาแห่งชาติมีอำนาจ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการออกกฎหมายต่าง ๆ ของเวียดนาม นอกจากนี้ ยังมีอำนาจให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้ง และถอดถอนประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันสภาแห่งชาติเปิดโอกาสให้สมาชิกสภาฯ สามารถซักถามการบริหารงานของรัฐบาลเป็นรายบุคคลได้ระหว่างสมัยประชุม - องค์กรฝ่ายบริหาร ทำหน้าที่กำหนดนโยบายและบริหารประเทศ สำหรับผู้ที่มีบทบาทสำคัญในฝ่ายบริหาร มี 3 คน ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ดังนี้ • เลขาธิการพรรคฯ ปัจจุบัน คือ นาย Nong Duc Manh มาจากการเลือกตั้งของสมาชิกพรรค CPV ขึ้นดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา • ประธานาธิบดี ปัจจุบัน คือ นาย Tran Duc Luong ทำหน้าที่ประมุขของรัฐ (Chief of State) เป็นสมัยที่ 2 (วาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี) ขึ้นดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2540 • นายกรัฐมนตรี ปัจจุบัน คือ นาย Phan Van Khai ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล (Head of Government) เป็นสมัยที่ 2 (วาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี) ขึ้นดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2540 - รัฐบาลท้องถิ่น (People’s Committee of Province) เวียดนามมีสภาประชาชนและคณะกรรมการ ประชาชนประจำท้องถิ่นเป็นองค์กรบริหารสูงสุดประจำท้องถิ่น โดยรัฐบาลท้องถิ่นจะบริหารงานตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎระเบียบที่รัฐบาลกลางบัญญัติไว้
6. โครงสร้างประชากร
เวียดนามมีประชากรราว 89,693,000 คน (ประมาณการ ปี 56) ความหนาแน่น 272 คน/ตร.กม. หรือ 703 คน/ตร.ไมล์แบ่งเป็นเชื้อชาติเวียดนาม 85-90% ส่วนที่เหลือเป็น จีน ไทย เขมร ม้ง จาม และชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ทั้งนี้ ประชากรเวียดนาม ราว 70% นับถือศาสนาพุทธ (นิกายมหายาน) ส่วนที่เหลือนับถือศาสนาคริสต์ (ส่วนใหญ่นับถือนิกายโรมันคาทอลิก), Hoa Hao, Cao Dai, ศาสนาอิสลาม และความเชื่อที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ
7. ภาษาราชการ คือ ภาษาเวียดนาม
สำหรับภาษาอื่น ๆ ที่ใช้ในการสื่อสาร ได้แก่ ภาษาอังกฤษ (เริ่มใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น) ฝรั่งเศส จีน เขมร และภาษาของชาวเขาเผ่าต่าง ๆ (Mon-Khmer และ Malayo- Polynesian)
8. เมืองสำคัญแบ่งตามภูมิภาค มีดังนี้
ภาคเหนือ มีเมืองสำคัญ ได้แก่ ฮานอย (Ha Noi) เป็นเมืองหลวง และศูนย์กลางการบริหารประเทศ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจการค้าของภาคเหนือ ไฮฟอง (Hai Phong) เป็น เมืองท่าสำคัญ และเขตอุตสาหกรรมหนัก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมต่อเรือ เคมีภัณฑ์ และวัสดุก่อสร้าง กว่างนินห์ (Quang Ninh) เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ อาทิ ป่าไม้ รวมทั้งแหล่งถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ภาคกลาง มีเมืองสำคัญ ได้แก่ เว้ (Hue) เป็นเมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์ และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ กว่างนัม-ดานัง (Quang Nam-Da Nang) เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจ และการท่องเที่ยว
ภาคใต้ มีเมืองสำคัญ ได้แก่ โฮจิมินห์ ซิตี้ (Ho Chi Minh City) เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจการค้า และเมืองท่าสำคัญ นอกจากนี้ ยังมีความงดงามมากจนกระทั่ง ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งเอเชียตะวันออก” ด่องไน (Dong Nai) เป็นเมืองที่มีนิคมอุตสาหกรรมมากที่สุด ในเวียดนาม ที่สำคัญ เช่น Bien Hao 1 IZ, Bien Hao 2 IZ, Amata IZ, Loteco IZ, Go Dau IZ, Nhon Trach IZ และ Song May IZ เป็นต้น และเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบหลายชนิดสำหรับการแปรรูปในภาคอุตสาหกรรม เช่น ยางพารา ถั่วเหลือง กาแฟ ข้าวโพด อ้อย ยาสูบ เกิ่นเธอ (Can Tho) เป็นเมืองอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปที่สำคัญ และ แหล่งเพาะปลูกข้าวที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม เตี่ยงยาง (Tien Giang) เป็นแหล่งผลิตข้าวและผลไม้ต่าง ๆ อาทิ ทุเรียน มะม่วง รวมถึงผลไม้เมืองร้อนชนิดอื่น ๆ บาเรีย-วุ่งเต่า (Ba Ria-Vung Tau) เป็นเมืองที่มีการผลิตน้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติ มีแหล่งผลิตสำคัญ คือ Bach Ho (White Tiger) อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง รวมทั้ง เป็นเมืองตากอากาศชายทะเลที่สำคัญของเวียดนาม
9. สนามบินมีจำนวน 18 แห่ง
เป็นสนามบินนานาชาติ 3 แห่ง ได้แก่ Noi Bai International Airport ตั้งอยู่ทางตอนเหนือห่างจากกรุงฮานอยประมาณ 30 กิโลเมตร ให้บริการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า มีเที่ยวบินตรงไปยัง เมืองสำคัญต่าง ๆ อาทิ กัวลาลัมเปอร์ ไทเป ดูไบ ปารีส เบอร์ลิน มอสโก มะนิลา และกรุงเทพฯ เป็นต้น Da Nang International Airport ตั้งอยู่ในภาคกลาง ในอดีตเคยเป็นฐานทัพของสหรัฐฯ ปัจจุบันให้บริการการบิน ทั้งภายในประเทศ และระหว่างประเทศ และ Tan Son Nhat International Airport ตั้งอยู่ในภาคใต้ เป็นสนามบิน ที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม อยู่ห่างจากโฮจิมินห์ ซิตี้ ประมาณ 7 กิโลเมตร มีเที่ยวบินตรงไปยังเมืองสำคัญต่าง ๆ อาทิ เบอร์ลิน แฟรงก์เฟิร์ต อัมสเตอร์ดัม ปารีส โซล โอซากา กวางเจา ไทเป กรุงเทพฯ สิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์ จาการ์ตา ซิดนีย์ มอสโก และมะนิลา เป็นต้น เวียดนามมีสายการบินแห่งชาติ คือ Vietnam Airlines ให้บริการการบินทั้งภายในประเทศ และ ระหว่างประเทศ นอกจากนี้ Vietnam Airlines และการบินไทย มีเที่ยวบินไป-กลับระหว่างไทยและเวียดนามทุกวัน Pacific Airlines ให้บริการการบินระหว่างเมืองฮานอย ดานัง โฮจิมินห์ ซิตี้ รวมทั้งเมืองเกาสุง และไทเปของไต้หวัน
10. ทางหลวงลาดยางเพียง 25%
จากระยะทางรวมประมาณ 93,300 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเวียดนาม ตั้งเป้าจะลาดยางหรือเทคอนกรีตทางหลวงทุกสายให้แล้วเสร็จภายในปี 2548 และลาดยางหรือเทคอนกรีตถนนทุกสาย ในทุกจังหวัดให้แล้วเสร็จภายในปี 2553 ทั้งนี้ เส้นทางสายหลักในเวียดนามมีทั้งสิ้น 7 เส้นทาง ได้แก่
-
เส้นทางหมายเลข 1 เป็นเส้นทางสายหลักของประเทศ และมีความยาวที่สุดในเวียดนาม จากภาคเหนือ จรดภาคใต้ระยะทาง 2,289 กิโลเมตร เชื่อมระหว่าง Lang Son-ฮานอย-ดานัง-โฮจิมินห์ ซิตี้-Minh Hai
-
เส้นทางหมายเลข 2 เชื่อมระหว่าง ฮานอย-Ha Giang ขึ้นไปทางเหนือติดชายแดนจีนที่มณฑลยูนนาน ระยะทาง 319 กิโลเมตร
-
เส้นทางหมายเลข 3 เชื่อมระหว่าง ฮานอย-Cao Bang ขึ้นไปทางเหนือติดชายแดนจีนที่มณฑลยูนนาน ระยะทาง 218 กิโลเมตร
-
เส้นทางหมายเลข 5 เชื่อมระหว่าง ฮานอย-ไฮฟอง ออกสู่ทะเลจีนใต้บริเวณอ่าวตังเกี๋ย ระยะทาง 105 กิโลเมตร
-
เส้นทางหมายเลข 8 เชื่อมระหว่าง Ha Tinh-Vinh ซึ่งอยู่ทางภาคกลางค่อนไปทางภาคเหนือ และ มีเส้นทางเชื่อมต่อไปยังชายแดนติดกับแขวงบอริคำไซของสปป.ลาว ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร
-
เส้นทางหมายเลข 9 เชื่อมระหว่าง ดานัง-เว้ (Hue)-Quang Tri ไปยังชายแดนติดกับแขวงสะหวันนะเขต ของสปป.ลาว ระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร
-
เส้นทางหมายเลข 51 เชื่อมระหว่าง โฮจิมินห์ ซิตี้-วุ่งเต่า ออกสู่ทะเลจีนใต้ ระยะทางประมาณ 75 กิโลเมตร
11. ทางรถไฟเป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการขนส่งสินค้าภายในประเทศ
เส้นทางรถไฟ ในเวียดนามมีความยาวทั้งสิ้น 2,600 กิโลเมตร เส้นทางสำคัญส่วนใหญ่เชื่อมระหว่างเมืองหลวงฮานอย ซึ่งตั้งอยู่ ทางภาคเหนือกับเมืองสำคัญในภาคต่าง ๆ อาทิ
-
ฮานอย-โฮจิมินห์ ซิตี้ (เชื่อมระหว่างภาคเหนือและภาคใต้) ระยะทาง 1,726 กิโลเมตร ใช้เวลา เดินทางประมาณ 36-48 ชั่วโมง
-
ฮานอย-ไฮฟอง (ภาคเหนือ) ระยะทาง 102 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมง
-
ฮานอย-Lao Cai (ภาคเหนือ) ระยะทาง 296 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9-10 ชั่วโมง
-
ฮานอย-Lang Son (ภาคเหนือ) ระยะทาง 148 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง
-
ฮานอย-Thai Nguyen (ภาคเหนือ) ระยะทาง 75 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง
12. ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP)
มาจากภาคบริการ 41% ภาคอุตสาหกรรม 39% และภาคเกษตรกรรม 20% ทั้งนี้ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนาม วัดจาก GDP อยู่ที่ระดับ 7.7% (เพิ่มขึ้นจาก 7.2% ในปี 2546) และมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปี (Per Capita Income) ประมาณ 540 ดอลลาร์สหรัฐ
13. สินค้าส่งออกสำคัญ
สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้า อาหารทะเล คอมพิวเตอร์และผลิตภัณฑ์ อิเล็กทรอนิกส์ มีตลาดส่งออกสำคัญ คือ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ขณะที่สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกลและอุปกรณ์ เชื้อเพลิง สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่มและผ้าผืน เหล็กและเหล็กกล้า และเครื่องหนัง มีแหล่งนำเข้าสำคัญ คือ จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
14. ค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ
แรงงานไร้ฝีมือชาวเวียดนามที่ทำงานในบริษัทของชาวต่างชาติในเขตตัวเมืองโฮจิมินห์ ซิตี้ และฮานอย ได้รับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 626,000 ด่อง (ราว 38 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อเดือน พื้นที่รอบนอกของโฮจิมินห์ ซิตี้ และฮานอย รวมทั้งพื้นที่ในเขตตัวเมืองบาเรีย-วุ่งเต่า เมืองเบียนหัว และเมืองไฮฟองอยู่ที่ 556,000 ด่อง (ราว 34 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อเดือน และสำหรับพื้นที่ในเมืองอื่น ๆ อยู่ที่ 487,000 ด่อง (ราว 30 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อเดือน ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2546 รัฐบาลเวียดนามประกาศข้อกำหนดใหม่เกี่ยวกับการจ้างแรงงานต่างชาติของผู้ประกอบธุรกิจ ในเวียดนาม (Decree 105-2003-ND-CP) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2546 มาจนถึงปัจจุบัน มีสาระสำคัญ ที่น่าสนใจ ดังนี้
-
คุณสมบัติพื้นฐานของแรงงานต่างชาติ ต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มี ประวัติอาชญากรรม และมีความชำนาญเฉพาะด้านซึ่งหาไม่ได้จากแรงงานท้องถิ่น เป็นต้น
-
จำนวนสูงสุดของแรงงานต่างชาติในแต่ละบริษัท บริษัทท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ รวมถึงบริษัทของชาวต่างชาติ ในเวียดนาม (ยกเว้นสำนักงานตัวแทนและสาขาของบริษัทต่างชาติ) สามารถจ้างแรงงานต่างชาติได้สูงสุดไม่เกิน 3% ของจำนวนแรงงานทั้งหมดของบริษัท แต่ต้องไม่เกิน 50 คน
-
การรับสมัครแรงงานต่างชาติ ผู้ประกอบธุรกิจในเวียดนาม (รวมถึงบริษัทต่างชาติ สำนักงานตัวแทน และสาขาของบริษัทต่างชาติ) ที่ต้องการจ้างแรงงานต่างชาติ ต้องลงประกาศรับสมัครแรงงานท้องถิ่นในหนังสือพิมพ์ ฉบับใดฉบับหนึ่งของเวียดนามติดต่อกันอย่างน้อย 3 วัน โดยมีรายละเอียด อาทิ ลักษณะงาน ผลประโยชน์ที่ลูกจ้าง จะได้รับจากการจ้างงาน ฯลฯ เมื่อไม่มีผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตรงตามต้องการ จึงจะสามารถดำเนินการรับสมัคร แรงงานต่างชาติได้
-
ใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) แรงงานต่างชาติที่ทำงานในเวียดนามเป็นระยะเวลาตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป ต้องขอใบอนุญาตทำงาน ซึ่งออกโดยหน่วยงานท้องถิ่น สังกัดกระทรวงแรงงาน ผู้ทุพพลภาพจากสงคราม และ สวัสดิการสังคม (The Local Department of Labour, War Invalids and Social Affairs : DoLISA) ของเวียดนาม ใบอนุญาตทำงานดังกล่าวจะมีอายุไม่เกิน 36 เดือน และสามารถต่ออายุได้อีกไม่เกิน 36 เดือน ยกเว้นแรงงานต่างชาติที่เข้ามา ทำงานบางประเภทซึ่งรัฐบาลเวียดนามอนุญาตให้ไม่ต้องขอใบอนุญาตทำงาน อาทิ แรงงานต่างชาติที่เข้ามาแก้ไขปัญหาฉุกเฉิน ที่เกิดขึ้นกับกิจการ ซึ่งแรงงานในเวียดนามไม่สามารถแก้ไขได้ ชาวต่างชาติที่เป็นกรรมการของบริษัทซึ่งจดทะเบียนก่อตั้งตาม กฎหมายของเวียดนาม ชาวต่างชาติที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานตัวแทนหรือสาขาของบริษัทต่างชาติในเวียดนาม และนักกฎหมายต่างชาติที่ได้รับใบรับรองรองจากกระทรวงยุติธรรมของเวียดนามให้ปฏิบัติหน้าที่ในเวียดนาม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการที่ว่าจ้างแรงงานต่างชาติซึ่งได้รับยกเว้นไม่ต้องมีใบอนุญาตทำงาน จะต้องแจ้งชื่อ อายุ สัญชาติ หมายเลขหนังสือเดินทาง รวมทั้งวันที่เริ่มต้นและวันที่สิ้นสุดการทำงานของแรงงานต่างชาติ ต่อหน่วยงาน DoLISA ของเวียดนาม ก่อนที่แรงงานดังกล่าวจะเริ่มทำงานอย่างน้อย 7 วัน










![]() itinerary-header (1) | ![]() vietnam_3253_600x450 |
---|---|
![]() itinerary-header | ![]() fisherman-silhouette-vietnam-c |
![]() DSC_7715 | ![]() traditional |
![]() 12735712_1109942472401150_1184513683_n | ![]() 12721931_1109942152401182_1537634542_n |
![]() 12650682_1109942129067851_662269154_n | ![]() 12695750_1109942249067839_1088910390_n |
![]() 12695869_1109942292401168_1562954168_n | ![]() congai3 |
![]() 12746054_1109942432401154_1492523936_n |

![]() | ![]() |
---|---|
![]() | ![]() |
![]() | ![]() |
![]() | ![]() |
![]() | ![]() |





![]() | ![]() |
---|---|
![]() | ![]() |